ประวัติความเป็นมาของบริษัท
บริษัทฯ เกิดขึ้นจากการจดทะเบียนควบบริษัทเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BCP ครั้งที่ 11/2560 และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KSL ครั้งที่ 6/2559-2560 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ซึ่งมีมติอนุมัติการควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่าง (1) บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด ("BBH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 100.0 โดย BBH ถือหุ้นร้อยละ 85.0 ร้อยละ 70.0 และร้อยละ 21.3 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ BBE BBF และบริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) ("UBE") กับ (2) บริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (“KSLGI”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0 โดย KSLGI ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ KGI ซึ่งเป็นไปตามแผนความตกลงการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-Based) ระหว่าง BCP กับ KSL บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนแรกเริ่มจำนวน 2,532.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 253.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท โดยมี BCP และ KSL เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 60.0 และร้อยละ 40.0 ตามลำดับ
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ไบโอดีเซล และผลิตภัณฑ์พลอยได้ รวมทั้งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัทย่อยจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ KGI BBE และ BBF โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวร้อยละ 100.0 ร้อยละ 85.0 และร้อยละ 70.0 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทดังกล่าวแต่ละแห่ง ตามลำดับ และบริษัทร่วม 1 บริษัท คือ UBE โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน UBE ร้อยละ 21.3 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ UBE โดยโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมสำหรับเอทานอล 1,000,000 ลิตรต่อวัน และไบโอดีเซล 1,000,000 ลิตรต่อวัน หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น สำหรับเอทานอล 625,121 ลิตรต่อวัน และสำหรับไบโอดีเซล 700,000 ลิตรต่อวัน
บริษัทฯ ดำเนินการปรับโครงสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2560 อย่างไรก็ดี กลุ่มบริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ตั้งแต่ปี 2547 โดยมีรายละเอียดพัฒนาการที่สำคัญ ดังนี้
2561
2560
2559
2558
2557
2556
2555
2554
2552
2551
2549
2548
2547
2562
เมษายน :
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ UBE เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และการเพิ่มทุนจดทะเบียน และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ BBGI ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของ BBGI และบริษัทย่อยของ BBGI (ESOP) ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 32/2551 เรื่อง การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อกรรมการหรือพนักงาน (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BBGI เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติดังนี้
- อนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากเดิมหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 5.00 บาท ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 253.20 ล้านหุ้น เป็น 506.40 ล้านหุ้น
- เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวนไม่เกิน 1,083.00 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 2,532.00 ล้านบาท เป็น 3,615.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 216.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 216.60 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเสนอขายให้แก่ (I) ผู้ถือหุ้นของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร (II) กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของ
บริษัทฯ (ESOP) โดยให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 และ (III) ประชาชนทั่วไป
- BBF แจ้งเปลี่ยนแปลงกำลังการผลิตจาก 810,000 ลิตรต่อวันเป็น 930,000 ลิตรต่อวัน กับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
มิถุนายน :
- UBE ยกเลิกการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
กรกฎาคม :
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BBGI เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงสัดส่วนย่อยในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ดังนี้ (I) ผู้ถือหุ้นของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรไม่เกินร้อยละ 25.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ (II) ประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ (ESOP) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ ทั้งนี้ จำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของ บริษัทฯ (ESOP) จะเป็นไปตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561
มิถุนายน :
- BCP จำหน่ายเงินลงทุนใน BBE BBF และ UBE สำหรับหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 85.0 ร้อยละ 70.0 และร้อยละ 21.3 ให้แก่ BBH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-Based) ของ BCP
กรกฎาคม :
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BCP ครั้งที่ 11/2560 และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KSL ครั้งที่ 6/2559-2560 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 มีมติอนุมัติการควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่าง BBH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 100.0 และ KSLGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KSL ครั้งที่ 6/2559-2560 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 มีมติอนุมัติยกเลิกแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ KGI ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ KGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจาก KSL และ BCP ได้บรรลุข้อตกลงและเข้าทำสัญญาควบรวมกิจการและสัญญาผู้ถือหุ้น ตามแผนความตกลงการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-Based) ระหว่าง BCP กับ KSL
- KSL จำหน่ายเงินลงทุนใน KGI สำหรับหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 100.0 ให้แก่ KSLGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ตามแผนการควบรวมกิจการ
ตุลาคม :
- บริษัทฯ เกิดขึ้นจากการจดทะเบียนควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่าง BBH และ KSLGI เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2,532.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 253.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท โดยมี BCP และ KSL เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ร้อยละ 60.0 และร้อยละ 40.0 ตามลำดับ

พฤษภาคม :
- BBE จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2559 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.01 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดย BCP ถือหุ้นร้อยละ 85.0 ตามสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง BCP และสีมา
- BBE เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกับสีมา เพื่อซื้อทรัพย์สินทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตและจำหน่ายเอทานอล รวมถึงรับโอนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากสีมา
มิถุนายน :
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KGI ครั้งที่ 7/2559 มีมติอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตปุ๋ยชีวภาพให้แก่บริษัท เคเอสแอล แมททีเรียล ซัพพลายส์ จำกัด ("KMS") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0
กรกฎาคม :
- โรงงานผลิตไบโอดีเซลแห่งที่ 2 ของ BBF เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ มีขนาดกำลังการผลิต 450,000 ลิตรต่อวัน ส่งผลให้ BBF มีกำลังการผลิตรวมทั้ง 2 แห่ง 810,000 ลิตรต่อวัน
- BBE เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 499.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้ BBE มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.00 ล้านบาท เป็น 500.00 ล้านบาท
ตุลาคม :
- BBE กลับมาเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตเอทานอลที่อำเภอสนามชัยเขตและอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กำลังการผลิตรวม 150,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบ ภายหลังรับโอนสินทรัพย์จากสีมาแล้วเสร็จ
- BBE ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2559 ของ KGI เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 มีมติอนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็น KGI และอนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ KGI ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ KGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) ทั้งนี้ KGI ได้จดทะเบียนแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559
กรกฎาคม :
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BBF ครั้งที่ 4/2558 มีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานต้นแบบ (Pilot Plant) สำหรับการผลิตพาราฟินเพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับแลกเปลี่ยนความร้อน (Phase Change Materials (PCMs))
กรกฎาคม :
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BBF ครั้งที่ 4/2557 มีมติอนุมัติการลงทุนโรงงานผลิตไบโอดีเซลแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 450,000 ลิตรต่อวัน และมีหน่วยเปลี่ยนกรดไขมันจากการกลั่นน้ำมันปาล์ม (PFAD) ให้เป็นไบโอดีเซล กำลังการผลิต 55,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์ :
- โรงงานน้ำพองนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาหมักให้ได้ไบโอแก๊สเพื่อขายให้แก่โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น
- BBF ปรับปรุงกระบวนการผลิต (De-Bottleneck) ส่งผลให้โรงงานผลิตไบโอดีเซลมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 360,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์ :
- โรงงานบ่อพลอยนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาหมักให้ได้ไบโอแก๊สเพื่อขายให้แก่โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น
พฤศจิกายน :
- BBF ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7
กุมภาพันธ์ :
- BCP เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ UBE จำนวน 583,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 21.3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ UBE ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบ กำลังการผลิตรวม 400,000 ลิตรต่อวัน โดยโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ UBE ยังถือหุ้นร้อยละ 100.0 ในบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท อุบลเกษตรพลังงาน จำกัด ("UAE") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง (2) บริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด ("UBG") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอแก๊สและกระแสไฟฟ้า และ (3) บริษัท เอ็นพี ไบโอ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ("NPE") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอแก๊สและกระแสไฟฟ้า
ธันวาคม :
- KGI เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานบ่อพลอย กำลังการผลิตรวม 200,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำอ้อยเป็นวัตถุดิบ
- โรงงานบ่อพลอยเริ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เชิงพาณิชย์ ใช้วัตถุดิบคือน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลและกากหม้อกรองจากโรงงานน้ำตาล

ธันวาคม :
- BBF เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตรวม 300,000 ลิตรต่อวัน และมีกลีเซอรีนเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ 30,000 กิโลกรัมต่อวัน โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบหลัก
มีนาคม :
- BBF จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 281.50 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2.815 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดย BCP ถือหุ้นร้อยละ 70.0 และ UAC ถือหุ้นร้อยละ 30.0 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล กลีเซอรีน และผลิตภัณฑ์พลอยได้
กรกฎาคม :
- KGI เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจำนวน 450.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 45.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท ส่งผลให้ KGI มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเพิ่มขึ้นจากเดิม 450.00 ล้านบาท เป็น 610.00 ล้านบาท

มกราคม :
- KGI เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานน้ำพอง กำลังการผลิตรวม 150,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำอ้อยเป็นวัตถุดิบ ทั้งนี้ KGI เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการผลิตแอลกอฮอล์เพื่อใช้ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
กุมภาพันธ์ :
- KGI ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10 แห่งพ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ("ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10")
- โรงงานน้ำพองเริ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เชิงพาณิชย์ ใช้วัตถุดิบคือน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลและกากหม้อกรองจากโรงงานน้ำตาล
มีนาคม :
- KGI ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ ให้ขยายกำลังการผลิตเอทานอลจาก 85,000 ลิตรต่อวัน เป็นไม่เกิน 150,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์ :
- KGI (เดิมชื่อบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด) จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท โดย KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล น้ำอ้อย และอื่นๆ
กรกฎาคม :
- KGI เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 159.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 15.90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท ส่งผลให้ KGI มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.00 ล้านบาท เป็น 160.00 ล้านบาท
มกราคม :
- โรงงาน KGI สาขาบ่อพลอย ขยายกำลังการผลิต จาก 200,000 ลิตรต่อวัน เป็น 300,000 ลิตรต่อวัน
เมษายน :
- บริษัท ชะลอการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เนื่องจากสถานการณ์ตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย